top of page
Search

Gender-Based Violence Apologists รู้จักกับการแก้ต่างให้ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ


ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (Gender-Based Violence) อาจเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไปจากหลายช่องทาง ทั้งทางจากโทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย หรือสื่อต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งในชีวิตจริง ซึ่งสิ่งที่ตามมาหลังจากการเผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวดังกล่าวนอกจากการต่อว่าหรือวิพากษ์วิจารณ์ ผู้คนจำนวนมากก็ยังติดพฤติกรรมแก้ต่างให้กับผู้กระทำผิดหรือผู้ใช้ความรุนแรง


แต่การแก้ต่างหรือหาเหตุผลให้กับการกระทำความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศเกิดขึ้นได้อย่างไร เรามาดูกันว่าความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศหมายถึงอะไร

การแก้ต่างให้กับความรุนแรงเหล่านี้มีอะไรบ้าง และส่งผลกระทบต่อตัวเราหรือคนในสังคมอย่างไร


อะไรคือความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (Gender-Based Violence)

ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศนั้น หมายถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความไม่เท่าเทียมการทางเพศ ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเพศ โครงสร้างอำนาจที่กดทับในครอบครัว การทำงานหรือสังคมทั่วไปและการใช้อำนาจในทางที่ผิดระหว่างผู้ปกครองและเด็กในความดูแล นายจ้างและพนักงาน ครูและนักเรียน หรือผู้อาวุโสและเยาวชน


ความรุนแรงนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปแบบของการคุกคาม การกีดกันการเข้าถึงปัจจัย ทรัพยากร การเรียนหรือการทำงาน การเลือกปฏิบัติ การทำร้ายร่างกายและจิตใจ ความรุนแรงในครอบครัว รวมไปถึงการข่มเหงหรือทารุณกรรมทางเพศด้วยเช่นกัน


ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศจัดเป็นหนึ่งในการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นความรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ โดยเฉพาะเพศหญิงและเพศหลากหลาย (LGBTQAI+) เพราะเข้าถึงแหล่งอำนาจได้น้อยกว่า และโครงสร้างทางสังคมในปัจจุบันก็กดทับการมีตัวตนของเพศเหล่านี้อยู่แล้วเป็นทุนเดิม


Apologists หรือการแก้ต่างเกิดจากอะไร ?

การแก้ต่างให้กับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นผลมาจากวัฒนธรรมการกล่าวโทษผู้ถูกกระทำ (Victim Blaming Culture) มองว่าผู้ถูกกระทำมีส่วนที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ตั้งคำถามต่อพฤติกรรมของผู้ถูกกระทำ ซึ่งผู้ที่ตั้งคำถามเหล่านี้มักมีความคิดเกี่ยวกับผู้ถูกกระทำในอุดมคติ (Ideal Victim) ร่วมด้วย คาดหวังให้ผู้ถูกกระทำแสดงความโศกเศร้า เสียใจ

สิ่งที่น่าตกใจคือผู้ถูกกระทำหลายคนก็เป็นผู้แก้ต่างให้กับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศด้วยเช่นกัน บางคนใช้การแก้ต่างนี้เป็นวิธีการรับมือหรือหลีกหนีจากปัญหาและความเป็นจริง เพราะผู้ถูกกระทำอาจถูกหล่อหลอมไปด้วยชุดความคิดผิด ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสาเหตุของความรุนแรงนั้นเกิดขึ้นจากอะไรและโยนความผิดให้เป็นของผู้ถูกกระทำโดยอัตโนมัติ





สัญญาณของการแก้ต่างให้กับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ

การหาเหตุผลมาสนับสนุนความรุนแรง การเข้าข้าง หรือการหาข้อแก้ตัวให้กับการกระทำความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศอาจเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันสังเกต มาดูกันว่าตัวอย่างของการเป็นผู้แก้ต่าง (Apologist) ให้กับความรุนแรงดังกล่าวนี้มีอะไรบ้าง


(TW: การโทษเหยื่อ / การข่มขืน / การใช้ความรุนแรง / เหยียดเพศ)


  • เขาข่มขืนก็เพราะเมาไง ถ้าไม่เมาก็คงไม่ทำหรอก

  • ก็เพราะเหยื่อเถียง ไม่เชื่อฟัง ก็ควรโดนทุบตีแล้ว

  • อายจริง ๆ มีลูกสาวทำตัวแบบนี้

  • ศาลตัดสินออกมาแล้วนะว่าเขาไม่ผิด ก็แปลว่าเขาไม่ผิดรึเปล่าอะ จะไปว่าเขาอีกทำไม

  • ที่ผ่านมาเขาก็ทำหน้าที่สามีที่ดีมาตลอด ลงมือนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป

  • ทำไมผัวจะข่มขืนเมียไม่ได้ ก็เขาแต่งงานกันแล้วนี่

  • รอฟังความทั้ง 2 ข้าง เขาอาจจะโดนใส่ร้ายก็ได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ใช่ย่อย

  • ก็แต่งตัวโป๊เองอะ แบบนี้จะไปรอดได้ไง

  • ออกสาวแบบนั้นเป็นใครก็หมั่นไส้ โดนซักทีก็ควรละ

  • อยากโดนแหละ แต่งตัวมาแบบนี้ก็ไม่แปลกใจ

  • ทอมที่พูดครับควรโดนต่อยปากแหละดีแล้ว พี่แม่งฮีโร่ 555555555


ทำไมการแก้ต่างให้กับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศจึงเป็นปัญหา

การหาข้อแก้ต่างหรือเหตุผลมารองรับให้กับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศอาจกลายเป็นการโทษว่าความรุนแรงที่ผู้ถูกกระทำพบเจอไม่ใช่ความผิดของผู้กระทำความรุนแรง เป็นความผิดของผู้ถูกกระทำที่สมควรจะได้รับ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่แปลก เป็นแบบนี้กันมานานแล้ว หรือใช้คำตัดสินของศาลมาฟอกขาวว่าความรุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแค่เพราะผู้กระทำถูกตัดสินให้ชนะคดีเท่านั้น


แต่สิ่งเหล่านี้อาจกดทับความรู้สึกของผู้ถูกกระทำจนไม่กล้าพูด ไม่กล้าปรึกษาและไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกว่าตนเองต้องทำใจให้ชิน ฝืนอยู่ในความสัมพันธ์ดังกล่าวไปเรื่อย ๆ อย่างจำยอม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำในระยะยาว ผู้ถูกกระทำหลายคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองและไม่เชื่อว่าตนเองสามารถออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้นั่นเอง


เราทุกคนจึงควรยับยั้งและตระหนักถึงสิ่งที่ผู้ถูกกระทำอาจรู้สึกก่อนแสดงความคิดเห็นออกไป เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งยังเป็นการสร้างพลังและความเข้มแข็งให้กับผู้ถูกกระทำความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศให้กล้าออกมาเผชิญปัญหากันมากขึ้นด้วยเช่นกัน


-------------------------------------------


หากต้องการคำปรึกษาและความช่วยเหลือกรณีความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ สามารถเข้ามาพูดคุยกับทีมนักกฎหมายและทนายความอาสา ภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิผู้หญิง องค์กรชีโร่ Line Official Account ไอดี @sherothailand


แหล่งอ้างอิง




1,326 views0 comments
bottom of page